พี่สาเป็นพี่แม่บ้านที่บังเอิญได้รู้จักกันเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว เรารู้จักกันเพราะ ‘หมา’
‘โชค’ เป็นหมาในซอยบ้าน ที่ให้ข้าวทุกวัน มีวันนึงมันหายตัวไป หายไปเป็นอาทิตย์ แล้วไปบังเอิญเจออีกครั้งที่ลานจอดรถห้างใกล้บ้าน สืบทราบมาว่า ‘โชค’ มามีแฟนสาวที่นี่! และมีแม่บ้านคนนึงคอยให้ข้าวให้น้ำและดูแลหมาสองตัวนี้อยู่
.
แม่บ้านคนนั้นก็คือ ‘พี่สา’ – แม่บ้านบริษัทนึงในซอยห้างฯ แกเอ็นดูทั้งโชคและแฟนสาว คอยดูแลตลอด วันนึงทางห้างฯ แจ้งมาว่าให้ย้ายหมาออกไปแกก็ยังโชคดีที่เจ้าของบริษัทอนุญาตให้พี่สาพาหมาเข้ามาอยู่ในออฟฟิศได้ เงินเดือนพี่สา 8,000 บาท แต่พอเงินเดือนออก สิ่งแรกที่แกทำก็คือไปซื้ออาหาร ซื้อขนมให้โชคและแฟนสาว แต่หลังที่ได้รู้จักกัน เราก็ขออนุญาตดูแลค่าอาหารหมาๆ ที่พี่สาดูแล หมาตรงหอพัก และระหว่างทางจากหอพักมาที่ทำงาน พี่สาหุงข้าว ต้มไก่ทุกเช้าเพื่อคอยให้ข้าวหมาจรพวกนี้ —
.
จริงๆ ชีวิตพี่สาที่ผ่านมาตั้งแต่รู้จักกัน สิ่งที่ทำให้พี่สาร้องไห้ทุกข์ใจอย่างเดียวคือเรื่องหมาแก แกโดนยามที่ห้างด่า โดนคนดูถูก โดนคนพูดจาไม่ดีเสียๆ หายๆ เพียงเพราะแกให้ข้าวหมา ทั้งๆที่แกจะรอให้หมากินเสร็จทุกครั้งและเก็บกวาดเรียบร้อย
.
มีทีนึง มีคนเอาหมาโตสองตัวมาปล่อยในซอยห้างฯ แกเห็นแกก็คอยให้ข้าว ทำที่บังฝนให้ เอาตัวลงไปผูกไปพัน ราวกับเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง แกเมตตาทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้จะทำยังงัย แต่ก็เป็นโชคดีที่คราวนั้นเราหาบ้านให้แกได้ เป็นคุณหมอหนุ่มผู้ใจดีจากรพส.เกษตรนั่นเอง
.
หลังจากนั้นไม่นาน พี่สาเป็นมะเร็ง
แกผ่าตัด ทำคีโม ฉายแสง ด้วยสิทธิประกันสังคมจนเหมือนจะหายดีแล้ว ประกอบกับบริษัทที่แกทำจะปิดตัว แกจึงบอกว่าจะกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด
พี่สามีเงินเก็บทั้งชีวิตอยู่ 8หมื่นบาท แกใช้ทั้งหมดในการไปต่อเติมบ้านที่ต่างจังหวัด เพื่อที่จะเอาหมาแกไปอยู่ด้วย
.
พี่สาเป็นคนที่มีชีวิตชีวามาก ถึงจะป่วย จะเจ็บแค่ไหน ก็แค่บ่น ไม่เคยโอดครวญ เหมือนมีโรค ก็รักษาไป – วันๆ คิดแต่เรื่องทำบุญ เรื่องเลี้ยงหมา เรื่องหลาน มีแค่นี้ ขนาดช่วย Covid เราให้หน้ากากผ้าแกไป แกก็เอาส่วนนึงไปถวายพระทั้งๆที่ตอนนั้นหน้ากากก็หายากมากกก – สิ่งเดียวที่แกเป็นห่วงก็คือเรื่องหมา พี่สามีเงินน้อยนะ แต่แกไม่เคยบ่นว่าตัวเองจน เพราะพี่สาขยันและหาอะไรทำตลอดเวลา ไม่เคยขอหรือพึ่งพาใคร ยกเว้นเรื่องหมาที่ยอมให้เราซื้อให้ หรือออกค่ารักษาให้
.
.
เสียดายที่แกกลับมาป่วยอีกรอบ และครั้งนี้ก็หนักมาก
แต่ทุกครั้งที่ไปเยี่ยม ถึงแม้ร่างกายจะทรุดโทรม แต่แววตามีแต่ความสุข มีพลัง มีชีวิตชีวา อธิบายไม่ถูกแต่เป็นแววตาของคนเข้มแข็ง ไม่เคยท้ออะไรในชีวิตเลย — จนเมื่อเช้าของวันนี้ แกก็จากไปอย่างสงบ อาทิตย์ก่อนยัง vdo call กับแก แกแทบจะไม่มีแรงแล้ว แต่ก็พยายามตอบเวลาคุย พยายามยิ้มตลอด เราก็บอกกับแกเสมอว่า พี่สาไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนะ บุญก็ทำ ทานก็ทำ หนี้ก็ไม่มี – ไมมีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว : ) เสียดายอย่างเดียวคือไม่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบสบายๆ อย่างที่เคยชวนแกไว้
.
.
Post นี้ถ้าใครอ่านจบก็คือขอบคุณมากนะคะ แค่อยากจะเล่าความพิเศษของชีวิตแม่บ้านตัวเล็กๆ คนนึง ที่เราประทับใจและคิดว่าชีวิตนี้คงไม่เคยลืม และเพื่อเป็นเกียรติแก่พี่สา 🧡 ในชีวิตเราเคยช่วย ‘คน’ มาหลายคน แต่คนนี้เป็นคนนึงที่เราประทับใจ เพราะพี่สาไม่เคยขอ ไม่เคยเรียกร้อง (ไม่เคยจริงๆ จนแกป่วยหนักโทรมาขอให้ซื้อชักโครกเคลื่อนที่ให้หน่อย ซึ่งดีใจมากที่แกเอ่ยปากขอ) แกไม่เคยนินทาใคร ไม่เคยว่าร้ายใคร ชีวิตมีแต่ให้ มีแต่ช่วยคนอื่น.. ที่สำคัญคือเมตตากับหมาแมวอย่างไม่มีเงื่อนไข
.
.
ตอนนี้คิดแค่ว่า แกเป็นนางฟ้าไปแล้ว : )
ที่สำคัญ พี่สาเป็นคนที่เราคิดได้ว่า
.
“ไม่ต้องรอให้มีมากก็ได้ ถึงจะเริ่มให้”
Source: https://www.facebook.com/134647310448016/posts/741540336425374/
(ขออนุญาตเจ้าของเพจหมาใจดี ถ้าผ่านมาเห็น ขอก๊อบปี้เก็บไว้อ่านครับ ขอบคุณครับ)